วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ข้อมูลส่วนตัว

ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ นางสาว อลิชา กงเงิน   ชื่อเล่น เปีย
วันเกิด 16  ตุลาคม 2545
ที่อยู่ 3 หมู่ 10  บ.เขื่องคำ  อ.เมือง  จ.ยโสธร   35000
อาหารโปรด สุกี้
ศิลปินที่ชอบ Got7 Bts Twic
กีฬาที่ชอบ แบตมินตัน
สีที่ชอบ ฟ้า เขียว
อาชีพในฝัน เภสัช
คติประจำใจ คิดดีทำดี

ข้อมูลโรงเรียนยโสธรพิทยาคม

ข้อมูลโรงเรียนยโสธรพิทยาคม

ประวัติ

โรงเรียนยโสธรพิทยาคมได้รับงบประมาณจากกรมสามัญศึกษา ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2492 เป็นเงิน 150,000 บาทเดิม เป็นโรงเรียนระดับอำเภอ ชื่อว่า" โรงเรียนยโสธร" สังกัดจังหวัดอุบลราชธานี

ปีพ.ศ. 2493 ทางจังหวัดได้จัดสร้างอาคารเรียน เป็นอาคารชั้นเดียวใต้ถุนสูงมุงกระเบื้องจำนวน 6 ห้องเรียน โดยมีนาย เสนอ นาระดล ศึกษาธิการจังหวัดอุบลราชธานี และ นายวิจิตร อาจารยางกูร ศึกษาธิการอำเภอยโสธร เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2493 จึงได้ย้ายมาเรียนที่อาคารสร้างใหมโดยเปิดสอนตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 มี นายพร ศุภศร เป็นครูใหญ่คนแรก มีเนื้อที่ 55 ไร่ 3 งาน 20.5 ตารางวา อำเภอยโสธร ได้ยกฐานะขึ้นเป็น จังหวัดยโสธรเมื่อวันท ี่1 มีนาคม 2515 โรงเรียนยโสธรจึงได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น โรงเรียนประจำจังหวัดยโสธร เป็นโรงเรียนแบบสหศึกษาเปิดทำการสอนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชื่อว่า"โรงเรียน ยโสธรพิทยาคม" พ.ศ. 2516 เปิดสอนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนยโสธรพิทยาคม ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณจริยธรรมดีเด่น จากกระทรวง ศึกษาธิการ พ.ศ. 2531 โรงเรียนได้รับรางวัล "โรงเรียนพระราชทาน ระดับมัธยมศึกษา" ประจำปีการศึกษา 2530 พ.ศ. 2537 ได้รับรางวัล "โรงเรียนที่มีสภาพแวดล้อมดีเด่น ระดับเขตการศึกษา 10"











อาคารและสถานที่ภายในบริเวณโรงเรียน

แผนที่ภายในโรงเรียนยโสธรพิทยาคม
พระมิ่งมงคลศากยมุนีศรียโสธร เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงเรียนยโสธรพิทยาคม ตั้งอยู่ ณ ลานอเนกประสงค์หลังศาลาเฉลิมพระเกียรติ
พระราชานุสาวรีย์ ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงเรียนยโสธรพิทยาคม ตั้งอยู่ ณ ลานอเนกประสงค์หลังศาลาเฉลิมพระเกียรติ
พระราชานุสาวรีย์ ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๖ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงเรียนยโสธรพิทยาคม ตั้งอยู่ ณ ลานอเนกประสงค์หลังศาลาเฉลิมพระเกียรติ
อาคาร 1 มีจำนวนทั้งสิ้น 3 ชั้น ชั้นที่ 1 เป็นที่ตั้งของห้องสภานักเรียน,ห้องถ่ายเอกสาร,ห้องซ่อมคอมพิวเตอร์ และห้องเรียนต่างๆ ชั้นที่ 2 เป็นที่ตั้งของห้องบริหารกลุ่มงานงบประมาณ,ห้องบริหารกลุ่มงานบุคคล,ห้องบริหารกลุ่มงานวิชาการ เป็นที่ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
อาคาร 2 มีจำนวนทั้งสิ้น 3 ชั้น เป็นที่ตั้งของกลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ เป็นที่ตั้งของ English Resources Instruction Centre (ERIC) และห้องพักครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทบ บริเวณชั้น 2
อาคาร 3 มีจำนวนทั้งสิ้น 3 ชั้น เป็นที่ตั้งของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ห้องเรียนสีเขียว ห้องโสตทัศนศึกษากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
อาคาร 4 มีจำนวนทั้งสิ้น 3 ชั้น เป็นที่ตั้งของกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม และยังเป็นที่ตั้งของศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดยโสธรอีกด้วย
อาคาร 5 มีจำนวนทั้งสิ้น 4 ชั้น ชั้นที่ 1 เป็นห้องคอมพิวเตอร์ 3 ห้อง เป็นที่ตั้งของศูนย์ประสานงาน AFS จังหวัดยโสธร ส่วนชั้นที่ 2-4 เป็นที่ตั้งของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
อาคาร 6 มีจำนวนทั้งสิ้น 1 ชั้น จำนวน 5 หลัง เป็นที่ตั้งของกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ และเทคโนโลยี และบริเวณ สวนเกษตรหลังโรงเรียนทั้งหมด
อาคาร 7 มีจำนวนทั้งสิ้น 1 ชั้น จำนวน 4 หลัง เป็ที่ตั้งของกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ประกอบด้วย ห้องดนตรีสากล ห้องดุริยางค์ ห้องดนตรีไทย ห้องนาฏศิลป์ และห้องศิปละ
อาคาร 8 มีจำนวนทั้งสิ้น 2 ชั้น ประกอบด้วยห้องเรียนแนะแนว 2 ห้อง ห้องพักครูแนะแนว ห้องประชุม และห้องพยาบาล อาคารหลังนี้สร้างด้วยเงิน 2,750,000 บาท
อาคาร9 มีจำนวนทั้งสิ้น4ชั้นใต้ถุนโล่ง เป็นอาคารเรียนที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานชื่ออาคารว่า อาคารศรีพิทยาคม
อาคารหอประชุมโรงพลศึกษา เป็นที่ตั้งของห้องพักครูกลุ่มสาระการเรียนรู้พลศึกษา ประกอบไปด้วยเวที สนามตะกร้อ ฟุตบอล เทเบิลเทนนิส และวอลเล่ย์บอล
หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ กาญจนาภิเษก ๖ รอบ เป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นที่ 1 เป็นที่ตั้งของห้องสมุดโรงเรียน และชั้นที่ 2 เป็นที่ตั้งของหอประชุมเอนกประสงค์
โรงอาหาร มีจำนวนทั้งสิ้น 2 ชั้นเป็นสถานที่จำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และขนมขบเขี้ยว ตั้งอยู่บริเวณหน้าอาคาร 5
ศาลาเฉลิมพระเกียรติ เป็นอาคาร 1 ชั้น ตั้งอยู่บริเวณสนามฟุตบอล ใช้เป็นที่ทำพีธีสำคัญต่างๆของโรงเรียน เช่น สวนสนามลูกเสือ,เนตรนารี และนักศึกษาวิชาทหาร และในพิธีการเปิดกีฬาสีของโรงเรียนเป็นประจำทุกปี
หอเกียรติยศ สายน้ำทิพย์ เป็นอาคารทรง 8 เหลี่ยม ตั้งอยู่หน้าบริเวณโรงจอดรถจักรยานยนต์ อยู่ข้างศูนย์ประชาสำพันธ์ ใช้เป็นสถานเก็บโล่รางวัลที่สำคัญต่างๆของโรงเรียน ปกติจะไม่เปิดให้เข้าชม
อาคารศูนย์ประชาสัมพันธ์ มีจำนวนทั้งสิ้น 1 ชั้น ใช้ประโยชน์ในการประกาศ ประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน
สนามเปตอง ตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงเรียนติดกับสถานีตำรวจภูธรเมืองยโสธร
ห้องสมุดประชาชน จังหวัดยโสธร มีจำนวนทั้งสิ้น 1 ชั้น ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าทางด้านทิศตะวันออก ติดกับถนนแจ้งสนิท แต่อยู่ภายในรั้วโรงเรียนยโสธรพิทยาคม








สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงเรียน

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงเรียนยโสธรพิทยาคมคมได้แก่ พระมิ่งมงคลศากยมุนีศรียโสธร เป็นพระพุทธรูปปางประทานพร ตั้งอยู่ ณ ลานอเนกประสงค์หลังศาลาเฉลิมพระเกียรติ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นภายในพระอุระได้มีการบรรจุวัตถุมงคลต่างๆไว้มากมาย พระมิ่งมงคลศากยมุนีศรียโสธร เป็นอนุสรณ์สถานที่ทางโรงเรียนยโสธรพิทยาคม จัดสร้างขึ้นเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่สถานศึกษา และใช้เป็นสถานที่สักการบูชาของคณะครู นักเรียน และผู้เกี่ยวข้องทั่วไป ซึ่งพระมิ่งมงคลศากยมุนีศรียโสธร มีศิลปะการก่อสร้างที่มีความประณีต และงดงามเป็นอย่างมาก




ข้อมูลเพิ่มเติม
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1











บทความทางวิชาการ

บทความทางวิชาการ

อาหารไทย... ไม่แพ้ชาติใดในโลก





"สวัสดีคะ ยินดีต้อนรับชาว Blogger ทุกคนนะคะ
วันนี้ดิฉันนำความเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทยมานำเสนอให้ทุกๆท่านได้ติดตามชมกันคะ"





       อาหารไทย เป็นอาหารประจำของชนชาติไทย ที่มีการสั่งสมและถ่ายทอดมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีต จนเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ ถือได้ว่าอาหารไทยเป็นวัฒนธรรมประจำชาติที่สำคัญของไทย ขณะที่อาหารพื้นบ้าน หมายถึง อาหารที่นิยมรับประทานกันเฉพาะท้องถิ่น ซึ่งเป็นอาหารที่ทำขึ้นได้ง่าย โดยอาศัยพืชผักหรือเครื่องประกอบอาหารที่มีอยู่ในท้องถิ่น มีการสืบทอดวิธีปรุงและการรับประทานต่อๆ กันมา
          ประเทศไทยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ มีอาหารตามธรรมชาติที่มีความพิเศษตามภูมิอากาศและภูมิประเทศที่แตกต่างกันตลอดทั้งปี รวมทั้งคนไทยมีศิลปะอยู่ในสายเลือด จึงสามารถแสดงออกทางศิลปะในรูปแบบการปรุงแต่งและการรับประทานได้ดี อาหารไทยมีลักษณะเฉพาะ ตั้งแต่เรื่องการผสมกลมกลืนในการปรุงแต่งรูป รส กลิ่น ให้กลมกล่อมอร่อยและให้มีรสจัดอย่างโดดเด่นเป็นพิเศษ





การปรุงอาหารของคนไทยสมัยโบราณ



          อาหารไทยขึ้นชื่อได้ว่ามีความเป็นมาที่ช้านาน ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ทั้งคนในประเทศและต่างประเทศ ก็ชื่นชอบในอาหารไทยกันมาก โดยเฉพาะชื่อเสียงในด้านความเข้มข้นและความจัดจ้านของรสอาหารที่ติดปากติดใจผู้คนมาหลายร้อยปี
          อาหารไทยมีวิธีการประกอบอาหารหลายรูปแบบไม่ ว่าจะเป็นแกง ต้ม ผัด ยำ นอกจากนั้นอาหารไทยยังได้รับอิทธิพลในการปรุงอาหารรวมทั้งรูปแบบในการรับประทานอาหาร ตั้งแต่อดีต เช่น การนำเครื่องเทศมาใช้ในการประกอบอาหารได้รับอิทธิพลมาจากเปอร์เชียผ่านอินเดีย อาหารจำพวกผัดก็ได้ รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน
          อาหารไทยเป็นอาหารที่ประกอบด้วยรสเข้มข้นมีเครื่องปรุงหลายอย่าง รสชาติอาหารแต่ละอย่างมีรสชาติเฉพาะตัว เกิดจากการใช้เครื่องปรุงรสที่ไม่เหมือนกัน การทำอาหารไทยให้อร่อยต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์มาก ตลอดจนกรรมวิธีในการประกอบอาหารไทยผู้ทำจะต้องพิถีพิถัน ประณีตและมีขั้นตอนเพื่อให้อาหารน่ารับประทานตามรูปแบบของรสชาติอาหารไทย





ความพิถีพิถันของอาหารไทย



          ความนิยมอาหารไทยอาจเกิดจากสมัยแรกๆที่คนไทยที่ไปทำงาน และเรียนอยู่ในสหรัฐอเมริกามีความคิดถึงอาหารไทย ก็มีคนเปิดร้านอาหารไทยขึ้น หรืออาจเกิดจากกระแสโลกาภิวัฒน์ หรือกระแสแนวโน้มของการตื่นตัวในการบริโภคอาหารชนชาติทั่วโลกก็เป็นได้ แต่ที่เห็นได้ชัดเจน คือ อาหารไทยได้รับความนิยม แบบดาวรุ่งพุ่งแรงมาตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เอกลักษณ์ของอาหารไทยที่ทำให้อาหารไทยเป็นที่ถูกปากและได้รับการยอมรับ

          1. เอกลักษณ์ด้านรสชาติ ที่มีความกลมกล่อมของ 3 รส คือ เปรี้ยว หวาน เผ็ด ได้อย่างลงตัวพอดี โดยไม่เน้นหนักไปรสใด รสหนึ่ง ทำให้เมื่อเข้าปากแล้ว สามารถดึงเอารสชาติที่สัมผัสลิ้นได้ อย่างเต็มที่ เป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย แต่ได้สร้างความประทับใจแก่ผู้บริโภคทุกคนแม้เมื่อได้ลิ้มลองเป็นครั้งแรก ทำให้รู้สึกอยากกลับมาทานอีก กลิ่นของสมุนไพร และเครื่องเทศต่างๆ ของอาหารไทย ถือว่าโดดเด่นมาก ตรงที่ไม่ฉุนเกินไป แต่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเครื่องเทศที่สอดแทรก อยู่ในทุกอณูของอาหารและทิ้งความหอมละมุนของกลิ่นรสไว้ในปากแม้เมื่อกลืนกินเข้าไปแล้ว



"ต้มยำกุ้ง" รสชาติอาหารไทยที่รสชาติติดปากคนทั่วโลก


          2. ความหลากหลายของอาหารไทย อาหารไทยนั้นมีทั้งคาวหวาน สารพัดชนิด ที่สามารถเลือกสรรมานำเสนอได้ไม่รู้จบ ชาวต่างชาติมักจะบอกว่า นี่เองที่ทำให้พวกเขาอยากลิ้มลองและทดลองร้านอาหารไทยใหม่ๆ ที่เปิดขึ้น เพราะรู้ว่าจะมีสิ่งแปลกใหม่ที่ให้ลองได้ไม่ซ้ำ

          3. อาหารไทยทานไม่เลี่ยนไม่อ้วน ชาวต่างชาติหลายรายที่ถูกสัมภาษณ์ถึงความรู้สึกมักออกปากว่า อาหารไทยเป็นอาหารที่เบาแม้ทานจนอิ่มแล้วยังไม่รู้สึกว่าอึดอัด หรือเพิ่มส่วนเกิน ทั้งนี้เพราะอาหารไทยส่วนใหญ่จะมีผักปนมาด้วยเสมอ พร้อมกับเครื่องเคียงต่างๆ จนเป็นที่เลื่องลือว่าอาหารไทยเป็นอาหารสุขภาพ




อาหารไทยที่อุดมไปด้วยพืชผักนานาชนิด


          4. การบริการที่ประทับใจ ข้อนี้แม้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรสชาติอาหาร แต่ถือว่าเป็นส่วนเสริมที่สำคัญมาก เพราะธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจการบริการพร้อมสินค้าอาหาร หากการบริการไม่ดีแล้ว แม้อาหารจะอร่อย ราคาถูก ก็ไม่สามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้ กิตติศัพท์ของความนุ่มนวลและมารยาทอันดีงามของคนไทย ได้ช่วยสร้างความประทับใจในการบริการของร้านอาหารไทยต่างๆ



การไหว้ การยิ้มแย้ม เป็นเอกลักษณ์การบริการของคนไทย



---> นี่คือความเป็นมาของอาหารไทยที่มีลักษณะโดดเด่นและสามารถสร้างชื่อเสียงในต่างชาติมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ มาติดตามบล๊อกเกอร์ของดิฉันกันต่อไปนะว่า
" ดิฉันจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักอาหารไทยประเภทที่ได้รับความนิยมจากต่างชาติ " <---





ขอขอบคุณจากเว็บ
http://thaifoodonly.blogspot.com/2013/09/blog-post.html